เช้าวันนี้
ผมได้เดินทางไปที่เรือนจำกลางคลองเปรม
เพื่อขอแสดงความจำนงเยี่ยมนักโทษการเมืองเสื้อเหลืองและเสื้อแดง
อันประกอบไปด้วยฝ่ายพันธมิตรและฝ่าย นปช
ในเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในระหว่างปี พ.ศ.2551-2553
ที่ผมไปเยี่ยมนี้ก็หวังใช้โอกาสวันวาเลนไทน์สร้างสรรค์ความรักและความสามัคคีให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ
ผมเห็นว่าความขัดแย้งระหว่างสีควรจะหมดไป เพราะที่ผ่านมา ความขัดแย้งด้านเชื้อชาติ
ศาสนา ลัทธิการเมืองก็ยังสามารถได้รับการขจัดปัดเป่าได้
ลำพังเพียงความขัดแย้งทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองน่าจะเป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้หากมีการฟังความรอบด้าน
จากการพูดคุยกับผู้ที่ได้เข้าเยี่ยมเยียนคุณปรีชา ตรีจรูญ
ฝ่ายพันธมิตรที่อยู่ในคุกพบว่า ปัจจุบันสุขภาพแข็งแรงดี ได้ศึกษาธรรมะ
และรู้สึกเข้าใจกันดีขึ้นระหว่างประชาชนต่างสีเสื้อ ส่วนฝ่าย นปช
ก็เข้าใจและเห็นใจคุณปรีชาเช่นกัน
การนี้เป็นนิมิตหมายอันดีที่คนไทยควรทราบถึงความเข้าใจฉันมิตรกันเช่นนี้
ทั้งนี้หากผมได้มีโอกาสได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.
จะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร
ด้วยการใช้สถานีวิทยุและโทรทัศน์ของ กทม. จัดรายการสมานฉันท์
โดยเชิญผู้นำทั้งสองสีเสื้อมาถกถึงประเด็นทางการเมือง ซึ่งอาจกินเวลา 2
ชั่วโมงต่อวัน การถกนี้อาจไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากัน อยู่ต่างสถานที่ก็ได้
แต่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับคำถามเดียวกันและให้เวลาตอบเท่ากันเช่นคำถามละ 2-4
นาที
ผมเชื่อว่ารายการนี้จะมีอัตราผู้ฟังกระฉูดสามารถเลี้ยงตัวเองได้
เพราะประชาชนจะหันมาฟังรายการนี้ เพราะเป็นการคุยกันสองฝ่าย
ไม่ใช่แบบฟังความข้างเดียว ต่างก็ได้รับฟังความเห็นของกันและกัน ได้มีการตอบโต้
ไม่คิดอยู่กับกรอบเดิม และเมื่อได้สร้างความเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ก็จะเกิดความสมานฉันท์ในที่สุด
นอกจากนี้ผมยังจะเปิดพื้นที่สนามหลวงเป็นที่ชุมนุมทางการเมืองเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
หาไม่การชุมนุมจะใช้พื้นที่ถนน หรือไปยึดหน่วยราชการต่าง ๆ
ซึ่งยังความเสียหายให้กับประเทศชาติโดยรวม
และท้องสนามหลวงควรเป็นสมบัติของประชาชนทุกคน
ใบขอเยี่ยมผู้ต้องขังฝ่ายพันธมิตร
ดร.โสภณเยี่ยมนักโทษการเมืองคลองเปรม
ดร.โสภณหาเสียงกับกลุ่มที่่มาเยี่ยมเสื้อแดงที่คุกคลองเปรม
